เป็นอีกปีที่รับงานละครให้แฟน ๆ หายคิดถึง สำหรับนักแสดงมากความสามารถ “อเล็กซ์ เรนเดลล์” ที่ได้โชว์ฝีมือการแสดงระดับเทพใน “สืบลับหมอระบาด” ละครน้ำดีแนวสืบสวนการแพทย์ที่เพิ่งลาจอ ซึ่งได้เสียงตอบรับที่ดีจากแฟนละครอย่างท่วมท้นในบทบาท “หมอธีธัช” นายแพทย์หนุ่มลูกกำพร้า บุตรบุญธรรมของมหาเศรษฐี ตัวละครที่มีทั้งดีและร้าย บทบาทที่ต้องเค้นอารมณ์กันแบบสุดขั้ว
ล่าสุดดาราหนุ่มหัวใจรักษ์โลก ซึ่งมีอีกบทบาทในฐานะซีอีโอศูนย์สิ่งแวดล้อมศีกษา (EEC) ยังเดินหน้าสานต่อภารกิจเพื่อสร้างแรงบันดาลใจในการดูแลธรรมชาติอย่างยั่งยืน ภายใต้แนวคิด “รักษ์น้ำ ใส่ใจสิ่งแวดล้อม เพื่อประเทศไทยที่ยั่งยืน” โดยพาตัวแทนครูและนักเรียนจากโรงเรียนบ้านเกาะจำ อ.เหนือคลอง และโรงเรียนอ่าวลึกประชาสรรค์ อ.อ่าวลึก รวม 30 คน ไปทำกิจกรรมค่ายรักษ์น้ำ ในพื้นที่ทะเล จ.กระบี่ ภายใต้โครงการรักษ์นํ้ามิตซุยกุ ปีที่ 3 จัดโดย ซันโทรี่ เบเวอเรจ แอนด์ ฟู้ด ประเทศไทย ร่วมกับ กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และศูนย์สิ่งแวดล้อมศึกษา (EEC) เพื่อเปิดประสบการณ์เรียนรู้เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะ “น้ำ” ผ่านห้องเรียนธรรมชาติ
ท่ามกลางบรรยากาศฟ้าสวย น้ำใส ที่ทำให้ท้องทะเลฝั่งอันดามันเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกหลงรัก และใฝ่ฝันจะมาเยือน “อเล็กซ์” อเล็กซานเดอร์ ไซมอน เรนเดลล์ ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์สิ่งแวดล้อมศึกษา (EEC) เล่าถึงรูปแบบกิจกรรมค่ายรักษ์น้ำในครั้งนี้ ว่า “เพื่อให้เด็ก ๆ ได้เข้าใจถึงความสำคัญของแหล่งต้นน้ำในบ้านเกิดตัวเองผ่านการสัมผัสจากประสบการณ์ตรง เราจึงสร้างสรรค์กิจกรรมการเรียนรู้นอกห้องเรียน ภายใต้หลักการ let nature be our classroom คือการให้ธรรมชาติเป็นห้องเรียน โดยสร้างกระบวนการเล่าเรื่องในกิจกรรมต่างๆ ที่แสดงให้เห็นตั้งแต่ต้นเรื่อง และจบเรื่อง โดยมีหลายๆ ฉากให้เด็กๆ ได้เรียนรู้ ซึ่งเป็นกระบวนการที่จะทำให้เด็กๆ เห็นความสำคัญของสิ่งแวดล้อมมากขึ้น และนำไปสู่การปกป้องดูแลธรรมชาติ เพื่อจุดประกายให้เด็กๆ ในพื้นที่เป็นผู้ปกป้องบ้านเกิดของเขา และต่อยอดสู่การเป็น Change Agent ที่เป็นพลังสำคัญต่อการดูแลและรักษาทรัพยากรสิ่งแวดล้อมในปัจจุบันและอนาคต”
นักแสดงหนุ่มหัวใจสีเขียว เปิดใจว่า “รู้สึกดีใจมาก ๆ ที่มีโอกาสได้มาร่วมกิจกรรมในทุกๆ จังหวัด โดยปีนี้โครงการรักษ์น้ำมิตซุยกุได้เข้าไปทำกิจกรรมใน 4 จังหวัด 4 ภูมิภาค แบ่งออกเป็นพื้นที่ต้นน้ำ จังหวัดเชียงราย พื้นที่กลางน้ำ จังหวัดอุบลราชธานี พื้นที่ปลายน้ำ จังหวัดฉะเชิงเทรา และพื้นที่ทะเล ในจังหวัดกระบี่เป็นจังหวัดสุดท้าย ซึ่งศูนย์สิ่งแวดล้อมศึกษา ได้ออกแบบกิจกรรมเพื่อให้เข้ากับแต่ละภูมิภาคมากที่สุด รวมทั้งครีเอทคอนเทนต์เรื่องสิ่งแวดล้อมให้น่าสนใจ เพื่อให้เด็ก ๆ ในจังหวัดนั้น ๆ ได้เข้าใจถึงความสำคัญของธรรมชาติในบ้านเกิดตัวเอง และสามารถนำไปปฏิบัติตามเพื่อปกป้องดูแลแหล่งต้นน้ำในบ้านเกิดตนเองได้อีกด้วย”
นอกจากนี้ อเล็กซ์ ยังเผยถึงความคาดหวังที่มีต่อเยาวชนที่ร่วมกิจกรรมในโครงการรักษ์น้ำมิตซุยกุว่า “ผมหวังว่าเด็กๆ จะสามารถนำความรู้ที่ได้รับไปต่อยอดและแบ่งปันสู่คนอื่นๆ ได้ เพราะนักเรียนจากโรงเรียนทั้ง 4 จังหวัด ที่ร่วมโครงการจะมีการทำคลิปวิดิโอ เพื่อนำไปแชร์ต่อให้เพื่อนๆ ในโซเชียลมีเดีย รวมทั้งมีเวิร์คช็อปที่ส่งไปตามโรงเรียนสำหรับนักเรียนที่ไม่ได้มาเข้าค่ายรักษ์น้ำอีกด้วย ซึ่งผมก็หวังว่ากิจกรรมเหล่านี้จะช่วยให้เยาวชนเกิดความรู้สึกรักบ้านเกิดของตัวเองมากขึ้น เพราะถ้าคนในพื้นที่ไม่ช่วยกันดูแลพื้นที่ที่เราเป็นเจ้าของ การอนุรักษ์ก็คงเป็นไปได้ยาก เพราะหากเราไม่ทำอะไรเลยตั้งแต่ตอนนี้ หรือไม่ปรับตัวเองให้เข้ากับสถานการณ์ ต่อไปโลกก็จะยิ่งอยู่ยากมากขึ้น”
สำหรับกิจกรรมค่ายรักษ์น้ำ จ.กระบี่ เป็นหนึ่งในกิจกรรมภายใต้โครงการรักษ์นํ้ามิตซุยกุ ปีที่ 3 โดยซันโทรี่ เบเวอเรจ แอนด์ ฟู้ด ประเทศไทย ผนึกกำลังร่วมกับ กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และ ศูนย์สิ่งแวดล้อมศึกษา (EEC) ที่จับมือกันเดินหน้าภารกิจสร้างพลเมืองเพื่อสิ่งแวดล้อม ภายใต้แนวคิด “รักษ์น้ำ ใส่ใจสิ่งแวดล้อม เพื่อประเทศไทยที่ยั่งยืน” โดยสร้างสรรค์กิจกรรม เวิร์คชอปห้องเรียนสิ่งแวดล้อม พร้อมเรียนรู้ธรรมชาติท้องทะเลและใต้น้ำ ณ อ่าวมาหยา เพื่อเสริมสร้างกระบวนการเรียนรู้การอนุรักษ์น้ำและทรัพยากรสิ่งแวดล้อม หวังจุดประกายความเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง (Change Agent) ให้กับเยาวชน
โดยตลอดระยะเวลา 3 วันของกิจกรรมค่ายรักษ์น้ำ จ.กระบี่ นักเรียนและคุณครู ได้เรียนรู้การอนุรักษ์แหล่งน้ำและสิ่งแวดล้อมในรูปแบบห้องเรียนธรรมชาติ ผ่านกิจกรรมสาระบันเทิงต่าง ๆ อาทิ กิจกรรมความสำคัญของน้ำและผู้รักษาสมดุลแห่งท้องทะเล, มิตซุยกุ เวิร์คช็อป, การศึกษาพฤติกรรมและที่อยู่อาศัยของฉลามครีบดำ, กิจกรรมดำน้ำตื้น, กิจกรรมศึกษาศูนย์การเรียนรู้ทางทะเล ปิดท้ายกิจกรรมด้วยการสรุปผลการเรียนรู้ที่ได้รับจากการสัมผัสธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจากประสบการณ์จริง โดยเด็ก ๆ และคุณครู ก็ได้ร่วมกันนำเสนอความรู้เกี่ยวกับการอนุรักษ์น้ำ และสิ่งแวดล้อมที่ได้รับจากกิจกรรมต่าง ๆ ร่วมกันอย่างสนุกสนาน
ทั้งนี้ โครงการรักษ์น้ำมิตซุยกุได้วางแผนการดำเนินงานโครงการระยะยาวต่อเนื่อง 3 ปี โดยปีแรกคือปี 2566 เป็นจุดเริ่มต้นในการเพาะเมล็ดพันธุ์ ด้วยการสร้างแรงบันดาลใจเรื่องสิ่งแวดล้อมและน้ำในพื้นที่ ปี 2567 คือการขยายเมล็ด ด้วยการเพิ่มจำนวนคน และสร้างการรับรู้ที่เพิ่มขึ้น และปี 2568 เป็นปีแห่งการปลูกเมล็ดพันธุ์ ซึ่งเป็นการนำต้นแบบการเรียนรู้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของหลักสูตรโรงเรียนสิ่งแวดล้อมศึกษาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน หรือโรงเรียนอีโคสคูล (Eco-School) และสร้างฐานการแลกเปลี่ยนเรียนรู้เรื่องสิ่งแวดล้อมและน้ำออกไปให้กว้างที่สุด เพื่อสร้างพลเมืองสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ และสามารถนำความรู้ที่ได้ไปประยุกต์ใช้กับพื้นที่ของตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด
