“รถรางเที่ยวสุดท้าย” ละครสะท้อนถึงเรื่องราวของคนต่างรุ่นบนความเปลี่ยนแปลงต่างยุค

“รถรางเที่ยวสุดท้าย” ละครสะท้อนถึงเรื่องราวของคนต่างรุ่นบนความเปลี่ยนแปลงต่างยุค

เรื่องย่อ :  รถรางเที่ยวสุดท้าย

แนว  :  ดราม่า / ละครสะท้อนถึงเรื่องราวของคนต่างรุ่นบนความเปลี่ยนแปลงต่างยุค

บทประพันธ์ / บทโทรทัศน์ โดย สมเกียรติ์  วิทุรานิช

ผู้จัดละคร  : ไทยพีบีเอส ร่วมกับ บริษัท สตาร์ฟีนิกซ์ (ประเทศไทย) จำกัด 

ผู้กำกับการแสดง : จีรภา ระวังการณ์

จำนวนตอน   :   12  ตอน

 

เรื่องย่อ

          นที เด็กหนุ่มวัย 27 กำลังตามหาความฝันที่อยากจะเป็นคนเขียนบทภาพยนตร์ เขาได้ชวน ภารดร เพื่อนสนิทวัยเดียวกันให้มาร่วมเขียนบทด้วยกัน นทีได้แรงบันดาลใจการเขียนบทมาจากบทกลอนที่แขวนเรียงรายอยู่ในร้านอาหารที่ชื่อ รถราง บทกลอนเหล่านี้เขียนขึ้นโดยเจ้าของร้านที่ชื่ออารักษ์ เมื่อนทีได้ทำความรู้จักกับอารักษ์มากขึ้น ก็ทำให้ล่วงรู้เรื่องราวส่วนตัวเพิ่มขึ้นเช่นกัน ภราดรสุ่มหาชื่อของบริพัตรผ่านโซเชียลมีเดีย เขาทักไปพร้อมข้อความที่เกี่ยวข้องกับมุกดา ไม่นานนักบริพัตรก็ตอบกลับมาทันที พวกเขานัดให้บริพัตรมาพบกันที่ร้านอาหารรถรางแห่งนี้ อารักษ์กลับมาจากตลาด เขาเข้ามาในร้าน อารักษ์หันไปสบตาบริพัตรครู่ใหญ่ถึงจำได้ว่าเขาคือเพื่อนเก่าที่เคยสนิทกันมาตั้งแต่เด็ก นทีและภราดรได้รับรู้ว่ารักแรกของอารักษ์นั้นเริ่มต้นขึ้นในวันที่รถรางวิ่งเป็นวันสุดท้าย บนรถรางเที่ยวสุดท้ายวันนั้น อารักษ์และเพื่อนสนิทที่ชื่อ บริพัตร และพวกเขาทั้งสองกลับตกหลุมรักหญิงสาวคนเดียวกันที่ชื่อ มุกดา หลังจากวันนั้นเรื่องราวรักสามเส้าก็ได้เริ่มต้นขึ้น

           อารักษ์ทำอาหารสุดฝีมือเพื่อเลี้ยงเพื่อนรักของเขา พวกเขาได้รำลึกถึงความหลังกัน อารักษ์ชวนให้บริพัตรมาอยู่ที่คอนโดของตนเอง และไปเที่ยวเล่นในย่านโรงเรียนเก่าของทั้งสอง ก่อนจะมีบทสนทนาที่สะกิดบาดแผลเกี่ยวกับมุกดาลึก ๆ ในใจ ทำให้ทั้ง 2 คน ทะเลาะกันอีกครั้งหนึ่ง นทีและภราดรมีโอกาสสัมภาษณ์บุหงา ภรรยาของอารักษ์ที่เล่าเรื่องราวในอดีตที่อารักษ์มาช่วยชีวิตตัวเองไว้ ทำให้เธอตัดสินใจย้ายเข้ามาอยู่บ้านและเป็นภรรยาของอารักษ์ โดยมีลูกสาวชื่อซอแก้ว ตามติดมาด้วย ซอแก้วมาช่วยงานในร้านอาหารแห่งนี้ แต่ลึก ๆ แล้วซอแก้วจะทำตามความฝันของตัวเองที่อยากเป็นนักร้องมากกว่า แต่เธอตั้งใจอยากทำให้สำเร็จ บุหงาก็เอาใจช่วยในเส้นทางที่ลูกเลือก ถึงแม้ว่าจะขัดกับคำสั่งของอารักษ์ ทำให้ครอบครัวนี้มีการทะเลาะกันบ่อยครั้ง

            บทหนังที่เป็นรักสามเส้าเหมือนถูกทับซ้อนด้วยเรื่องจริงของนที ภราดร และ ซอแก้ว เพราะซอแก้วหลงรักนที และภารดรหลงรักซอแก้ว แต่นทีไม่ได้คิดกับซอแก้วแบบแฟนสาว แม่ของซอแก้วชื่อ บุหงา เป็นแม่ครัวของร้านอาหารรถราง และเป็นเมียคนที่สองของอารักษ์ที่ไม่ได้มีการจดทะเบียนสมรสหรือพิธีแต่งงานแต่อย่างใด ซอแก้วไม่ชอบอารักษ์และไม่ยอมเรียกเขาว่าพ่อ เธอหาทางที่จะพาแม่ออกไปจากชีวิตของ อารักษ์ตลอดเวลา รวมถึงการเปลี่ยนช่วงเวลาของร้านอาหารที่ก้าวเข้าสู่ยุคปัจจุบัน ปัญหาต่าง ๆ เกิดขึ้นทับซ้อน

           ระหว่างช่วงรอยต่อของคนรุ่นเก่าและคนรุ่นใหม่ ทุกคนรอบตัวอารักษ์ต้องมีส่วนร่วมในการสร้างร้านนี้ขึ้นมาใหม่ แต่อารักษ์ยังลังเลที่จะให้คนรุ่นลูก มีส่วนร่วมในการบูรณะร้านรถรางแห่งนี้ ทุกคนล้วนต้องเรียนรู้จากความผิดพลาดของตัวเอง อารักษ์ต้องยอมรับความจริง และยังต้องยอมรับด้วยว่า อดีตก็ไม่ได้มีแต่เรื่องงดงามอย่างที่อารักษ์ต้องการให้นทีและภราดรเขียนไว้ในบทภาพยนตร์

 

 

ตัวละครหลักในเรื่อง รถรางเที่ยวสุดท้าย             

 

อารักษ์ รับบทโดย นิรุตติ์ ศิริจรรยา

      หนุ่มใหญ่มีเสน่ห์ วัย 70 ที่รักการทำอาหาร เป็นคนยึดติดอยู่กับอดีต และไม่กล้าที่จะปล่อยวางจากคนอื่น มั่นใจในความคิดของ ตนเอง  และต้องการอนุรักษ์สิ่งดีงามในอดีตให้คงอยู่  

 

 บริพัตร รับบทโดย สมภพ เบญจาทิกุล

     หนุ่มใหญ่ใจดี วัย 70 ที่สุขุมนุ่มลึก พูดน้อย คิดก่อนพูดเสมอ เข้ากับผู้คนได้ทุกวัยเพราะเปิดกว้างทางความคิด ชอบช่วยเหลือผู้อื่น ไม่ใช้อารมณ์ในการแก้ปัญหา

 

นที รับบทโดย กิตติภัทร แก้วเจริญ

      เด็กหนุ่มที่รักการอ่าน สนใจสิ่งรอบตัว เป็นคนรุ่นใหม่ไฟแรงที่หลงรักวัฒนธรรมแบบเก่า ๆ มุ่งมั่นทำตามความฝันในการเขียนบทภาพยนตร์ของตัวเองให้สำเร็จ ยิ้มง่าย เข้ากับทุกคนได้ง่าย

 

ภราดร รับบทโดย พลวิชญ์ เกตุประภากร

     หนุ่มห้าว พูดจาตรงไปตรงมา เป็นคนมีเหตุมีผลและกล้าแสดงออก ไม่ชอบขอความช่วยเหลือจากใคร แต่ลึก ๆ แล้วอ่อนไหว มีความซับซ้อนทางอารมณ์ มีทัศนคติเย้ยหยันชีวิตเพราะเรื่องราวที่เจ็บปวดในครอบครัว

 

ซอแก้ว รับบทโดย นัฐรุจี วิศวนารถ

     ลูกสาวของบุหงา เป็นคนจริงใจ เด็ดเดี่ยว ฝันอยากเป็นนักร้อง กล้าที่จะลงมือทำตามความฝันและต่อสู้กับปัญหาอย่างซึ่งหน้า แต่ในบางครั้งดูเป็นเด็กที่ก้าวร้าวในสายตาของผู้ใหญ่

 

บุหงา รับบทโดย รัดเกล้า อามระดิษ

      ภรรยาคนปัจจุบันของอารักษ์ เรียบร้อย เชื่อฟังง่าย ให้ความสำคัญกับการตอบแทนบุญคุณต่อผู้มีพระคุณ ไม่กล้าที่จะลงมือทำสิ่งใหม่ ๆ แต่ในใจก็รู้สึกต่อต้านกฎบางอย่างในครอบครัว

 

 สินธร รับบทโดย ภูริต พลอยมีค่า

     ลูกชายของอารักษ์กับภรรยาคนเก่า เป็นคนง่าย ๆ ใช้ชีวิตสบาย ๆ ไม่คิดมาก ก่อปัญหาไม่ซ้ำในแต่ละวัน ต้องให้คนอื่นมาคอยแก้ไขให้ ขาดความมั่นใจในตัวเอง

 

ศิริรัตน์ รับบทโดย ภารดี วงษ์สวัสดิ์

        ภรรยาของสินธร เป็นคนรักสวยรักงาม มีฝีมือในการทำอาหาร ชอบเข้าหาผู้ใหญ่ เป็นคนธรรมดาที่ไม่มีพิษภัย แต่ยังขาดวุฒิภาวะทางอารมณ์ ทำให้เป็นคนขี้โวยวาย คิดเองเออเอง โกรธง่ายหายเร็ว